สยามแม็คโครและบงล.ภัทรธนกิจ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทาง
08 มีนาคม 2538
สยามแม็คโคร และบงล.ภัทรธนกิจ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินชี้แจงข้อมูลผลการดำ
เนินงานที่เกิดขึ้นจริง เปรีบเทียบกับประมาณการแตกต่างเกินกว่าร้อยละ 25
บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน)(บริษัทฯ) และบงล.ภัทรธนกิจ จำกัด (มหาชน) ในฐานะ
ที่ปรึกษาทางการเงิน ร่วมชี้แจงข้อมูลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริงของบริษัทฯ เมื่อเปรียบเทียบกับประ
มาณการแล้วมีกำไรสุทธิแตกต่างจากประมาณการเกินกว่าร้อยละ 25 ดังมีรายละเอียดต่อไปนี้
1) ยอดขายของบริษัทฯ สูงกว่าที่ประมาณการ
ยอดขายจริงสูงกว่าที่ประมาณการไว้ 4.4% คือประมาณการไว้ 18,000 ล้านบาท แต่ยอด
ขายจริงเท่ากับ 18,793 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเพิ่มจากปี 2536 ถึง 43% เมื่อเทียบกับอัตราการเพิ่ม
ที่ประมาณการว่าจะมีอัตราเพิ่ม 37% เนื่องจาก
1.1) บริษัทฯ มีการขยายพื้นที่ขายของสาขาเดิมที่มีอยู่แล้วเพิ่มขึ้น ทำให้สามารถเพิ่มประ
เภทของสินค้าที่ให้กำไรสูงขึ้น ทำให้ยอดขายและกำไรสูงขึ้น เช่นสินค้าประเภทเพชรพลอย และเสื้อผ้า
1.2) บริษัทฯ มีการเพิ่มธุรกิจเสริม เช่น เพิ่มสถานีบริการน้ำมันอีก 1 สาขา (สาขา
ลาดพร้าว)
1.3) เนื่องจากบริษัทฯ มียอดการจัดซื้อสูงขึ้นมาก ทำให้สามารถซื้อสินค้าจากโรงงานและ
ผู้ขายในเงื่อนไขที่ดีขึ้นกว่าเดิม อันยังผลให้บริษัทฯ ได้รับประโยชน์ ทำให้มียอดขายและกำไรสูงขึ้น
2) บริษัทฯ สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ต่ำกว่าที่ประมาณการ
บริษัทฯ มีการเปิดสาขาใหม่ 3 สาขา ในปี 2537 ทำให้คาดว่าบริษัทฯ จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาก
อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นในอัตราใกล้เคียงกับที่ได้ประมาณการไว้ แม้ว่าจะมียอด
ขายที่เพิ่มขึ้นมากกว่า ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายยอดขายของบริษัทฯ เท่ากับ 6.3% ต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ที่
6.6% เนื่องจาก
2.1) บริษัทฯ มีดอกเบี้ยจ่ายลดลง เนื่องจากการมีชำระหนี้เงินกู้ของบริษัทฯ
2.2) บริษัทฯ สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าใช้จ่ายคงที่
(FIXED COST)
3) บริษัทฯ สามารถทำรายได้อื่นได้มากกว่าที่ประมาณการ
รายได้อื่นของบริษัทฯ สูงกว่าที่ได้ประมาณการไว้คือ มีรายได้อื่น 236.08 ล้านบาท เทียบกับที่ประ
มาณการไว้ 154.00 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุหลักมาจาก
3.1) รายได้จากสินค้าที่ฝากขาย (COMMISION EARN) เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ มี
สาขาเพิ่มขึ้น และยอดขายของสาขาเดิมก็เพิ่มขึ้นด้วย
3.2) รายได้จากค่าโฆษณาสินค้าของผู้ขาย (SUPPLIER) เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการเพิ่ม
ขึ้นของสาขาของบริษัทฯ
3.3) บริษัทฯ มีรายได้ดอกเบี้ยรับ ซึ่งเกิดจากรายได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน
โดยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย